ไปหน้าแรก | สารบัญ | Laploy.com | ระเบียนบทความ | บทความจากลาภลอย
มาทำลายคอมพิวเตอร์กันเถอะ!!
ขั้นตอนง่ายๆ และประหยัด ที่คุณก็ทำเองได้ เพื่อทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีประสิทธิภาพต่ำกว่าศูนย์
เขียนโดย ลาภลอย วานิชอังกูร บทความจากนิตยสาร ComToday
ความสุขของคุณคือการเห็นคอมพิวเตอร์ชำรุด – การได้แบกคอมฯ ไปซ่อมที่ร้าน – การได้จ่ายเงินค่าซ่อมให้ช่าง เป็นอย่างนั้นใช่หรือไม่? ถ้าใช่! โปรดอ่านบทความนี้ เพราะผู้เขียนจะแนะนำเคล็ดลับต่างๆ เพื่อให้คุณสมหวังได้ไม่ยาก!
อย่ายอมให้ใครมาบอกว่าคุณไม่มีสิทธิ เจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกคนล้วนมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะทำลายเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง แน่ละ เราอาจะเห็นคนส่วนมากหมกมุ่นอยู่กับการบำรุงรักษาเครื่องให้ใช้งานได้ดี รักษาระดับความร้อนให้ไม่สูงเกินไป หาทางยืดอายุการใช้งาน ปรับแต่งระบบปฏิบัติการให้ทำงานลื่น ฯลฯ ผมขอบอกว่าการทำเช่นนั้นรังแต่จะทำให้คอมพิวเตอร์ได้ใจ!
คุณเคยดูเรื่อง A.I. หรือไม่? (ภาพยนตร์ปีค.ศ. 2001 กำกับโดยสตีเวน สปิลเบิร์ก) ในภาพยนตร์เรื่องนั้น เมื่อประชากรหุ่นยนต์มีมากเกินไป เค้ายังต้องจัดงาน “เฟรชแฟร์” (Flesh Fair) ลากหุ่นยนต์ออกมาทำลายเล่น เพื่อสะใจและเป็นการควบคุมประชากรหุ่นไปด้วยในตัว แน่ละ! ทั้งคุณและผมย่อมมีสิทธิที่จะได้ลิ้มรสความสุขใจเช่นนั้นบ้าง!
ในบทความนี้ผมจะสอนวิธีทำลายเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างเป็นระบบ เป็นหลักสากลที่นิยมใช้กันทัวโลก หากคุณอ่านและทำตามทุกขั้นตอน เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว คุณจะพบว่าเครื่องพีซีของคุณไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป ถ้าคุณทำตามขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คอมพิวเตอร์ของคุณจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ชำรุดมากเสียจนเมื่อนำไปส่งร้านซ่อม ช่างซ่อมอาจถึงกับต้องขวัญบิน
(คำเตือน : บทความนี้เป็นเรื่องของการใช้กำลังและความรุนแรง มีเนื้อหาไม่เหมาะต่อเยาวชนอายุต่ำกว่า 13 ปี ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ)
เริงร่ารอบตู้เคส
บันไดขั้นแรกที่จะนำเราไปสู่ความสุขอยู่ที่การได้เปิดฝาเครื่องคอมพิวเตอร์ ตู้คอมพิวเตอร์หรือที่ช่างชอบเรียกว่า “ตู้เคส” (computer case) นั้นจะมีฝาปิดไว้ทางซ้ายและทางขวา ฝานี้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ภายในได้รับเสียหาย ผู้ที่ไม่ใช่ช่างซึ่งไม่มีหน้าที่บำรุงรักษาไม่ควรจะเปิดฝานี้ออก เมื่อรู้ดังนี้แล้วจะรอช้าอยู่ใย? ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย!
- เดินอ้อมไปหลังโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อพิจารณาด้านหลังของเคสคอมพิวเตอร์
- กวาดสายตาดูรอบๆ คุณจะเห็นว่าฝาเคสคอมพิวเตอร์ของเรามันช่างมีนอตเยอะเสียจริงๆ นอตที่ว่านี้เป็นนอตหัวแฉกหรือที่พวกช่างเรียกว่า “นอตหัวฟิลลิป” นั่นเอง นอตอย่างนี้ปกติใช้ไขควงหัวแฉกขนาดกลางขันเบาๆ นอตก็จะคลายเกลียวออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่งานนี้ย่อมไม่มีการใช้ไขควงแบบนั้นอยู่แล้ว!
- นำไขควงแฉกไปเก็บซ่อนไว้ให้หมด
- ไปหา “ไขควงแบน” มา เอาไขควงแบนที่มีหัวใหญ่ๆ หน่อย นำมาไขโดยออกแรงให้มากเข้าไว้
- หากคุณสามารถทำให้ไขควงแฉลบออกไปทิ่ม “คอนเนคเตอร์” (connector ช่องเสียบสายอุปกรณ์ต่างๆ) จนขาหักได้จะถือว่าดีเลิศ (ของคอนเนคเตอร์ ไม่ใช่ขาของคุณ)
- ไม่ควรให้มือพลาดไปทิ่มสันโลหะของเคส เพราะอาจจะทำให้คุณบาดเจ็บ อย่าลืมว่าเป้าหมายของเราคือต้องการสร้างความเสียหายให้แก่คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่รางกายของเรา
- ถ้าคุณใช้เครื่องหรูมีระดับ (เครื่องแบรนเนม) อาจต้องเจอกับนอตแบบ “โปสิไดร์ฟ” นอตแบบนี้เป็นนอตพิเศษ ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันคนที่ไม่ใช่ช่างมาเปิดฝาเคสเล่น หน้าตามันก็คล้ายๆ กับนอตหัวแฉกนี่แหละ แต่ร่องจะชันน้อยกว่า ถ้าไปหาซื้อไขควงโปสิไดร์ฟมาขัน นอตก็จะหลุดออกได้โดยง่าย แต่ผมขอบอกว่าอย่าไปซื้อให้เปลืองเงิน ใช้ ไขควงฟิลลิป นี่แหละเหมาะที่สุด ควรใช้แรงไขมากๆ เพราะจะทำให้นอตหัวแบะดูงามตา และถ้าคุณมีโชค ไขควงของคุณก็อาจจะหัวแบะตามไปด้วยเช่นกัน
- หากคุณเป็นสุภาพสตรี หรือมีแรงน้อย ให้ใช้ค้อนตอกที่ท้ายไขควงแรงๆ ทำเช่นนั้นซ้ำๆ จนกว่านอตจะหัวแบะ
- เป็นเรื่องสำคัญเมื่อถอดนอตด้านหลังเครื่อง ควรจะถอดให้ครบทุกตัว ไม่ใช่ถอดเฉพาะนอตที่รายล้อมอยู่รอบๆ ฝาเคสเท่านั้น นอตที่อยู่กลาง อยู่ล่าง อยู่บน และนอตซึ่งทำหน้าที่ยึดกล่องหน่วยจ่ายไฟ (power supply unit) นั้นควรค่าแก่การไขออกมามากที่สุด เพราะหากคุณมีโชค หน่วยจ่ายไฟจะร่วงออกจากที่ยึด หล่นลงไปใส่แผงวงจรในเครื่อง ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ก่อนที่คุณจะทันได้ถอดฝาออกเสียอีก
- การแกล้งลืมไขนอตออกบางตัว แล้วพยายามงัดฝาเคสออกด้วยกำลัง ถือว่าเป็นความพยายามที่น่าชื่นชม จงพยายามงัดฝาเคสออกด้วยไขควงแบนตัวใหญ่ที่สุดที่หาได้ ลองงัดด้านนู้น แล้วย้ายมางัดด้านนี้ ออกแรงให้มากเข้าไว้เช่นเคย และถ้าคุณกำลังดวงขึ้น คุณก็อาจจะได้เห็นฝาหน้าแตกร้าว โลหะบิดงอ หรือมีชิ้นส่วนอะไรหลุดกระเด็นหายไปที่มุมห้อง
- เรียนผูกแล้วต้องเรียนแก้ เมื่อถอดฝาเคสแล้วควรฝึกใส่กลับเข้าที่ด้วย นับเป็นบุญที่เคสบางรุ่นออกแบบมาได้แย่มาก คือมีช่องและร่องมากมาย หากถอดหรือใส่ฝาผิดนิดเดียว สลักก็จะพับงอ มีเคล็ดลับอยู่หน่อยคือตอนใส่ฝาให้กดแรงๆ ใช้กำลังดันเข้าไป (ใช้ค้อนช่วยหากมีแรงน้อย) ถ้ามีสายไฟแลบออกมา ให้ดันฝาเคสกดทับสายไฟไปด้วยจะดีมากๆ ตอนขันนอตปิดควรขันให้แน่นที่สุด ประหนึ่งว่านอตตัวนั้นทำหน้าที่ยึดตึกระฟ้าทั้งหลังไว้ ภายหลังเมื่อเราถอดฝาเคสอีก นอตและรูนอตนั้นจะมีโอกาสเกลียวหวาน หรือหัวแบะได้สูง (เคล็ดลับ : ถ้าอยากผ่อนแรงขอแนะนำให้ใช้ไขควงไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูงๆ แบบที่ช่างซ่อมรถใช้)
- ควรละลึกไว้เสมอว่าเคสของคอมพิวเตอร์นั้นเป็นสิ่งที่แข็งแรงเหลือเชื่อ จึงควรจัดให้มีน้ำหนักจำนวนมากกดทับไว้เสมอ เช่นเอาตู้เซฟมาตั้งบนเคส หรือมีเก้าอี้ในห้องน้อยๆ เข้าไว้ เมื่อมีแขกมาเยี่ยมก็ให้แขกนั่งบนเคสต่างเก้าอี้ นานๆ เข้าเคสจะบิดงอ เป็นสาเหตุสำคัญในการสร้างความเสียหายให้แก่แผงวงจรภายในได้เป็นอย่างดี
ม่วนซื่นกันให้สุดขีด!
ไฟฟ้าสถิตจ๋า
ต้องขอขอบคุณไฟฟ้าสถิตผู้น่ารัก เพราะมันทำให้เราสามารถทำลายคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการแตะเบาๆ เท่านั้น ไฟฟ้าสถิตจะเกิดในวันอากาศแห้ง หรือในห้องปรับอากาศ เมื่อคุณใส่รองเท้าเดินบนพรมมากๆ ร่างกายของคุณก็จะแปรสภาพเป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่มีแรงดันสูงหลายแสนโวลต์ภายในเวลาอันสั้น ไฟฟ้าแรงดันสูงขนาดนี้สามารถปลิดชีวิตชิพไอซีได้ในพริบตา เมื่อรู้ดังนี้แล้วจะรอช้าอยู่ใย? มาทำตามขั้นตอนต่อไปนี้กันเถิด!
- เปิดฝาเคสให้เรียบร้อย (หรือจะยับเยินก็ตามใจ)
- หมายตาไว้ที่ชิพซีพียู หรือแรมโมดูลก็ได้
- ปรับอากาศในห้องให้แห้งและเย็น
- ใส่ถุงเท้าขนสัตว์หรือที่ทำจากสารสังเคราะห์ เดินลากๆ ขาบนพรมไปๆ มาๆ รอบห้องสักสองสามรอบ
- เดินไปที่เครื่องคอมฯ ระวังอย่าให้มือโดนเคสหรือโต๊ะ หรือโลหะชิ้นใดที่มีสภาพเป็นเป็นกราวนด์
- ค่อยๆ สอดมือเข้าไปสัมผัสลูบไล้ชิพไอซีตัวนู้นตัวนี้ตามใจชอบ
- ถ้าอยากให้การทำลายมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก ควรถอดซีพียูและแรมออกจากเมนบอร์ดก่อนสัมผัส
- เครื่องดูดฝุ่นเล็กๆ สำหรับทำความสะอาดคอมพิวเตอร์นับว่าเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสถิตชั้นดี พยายามนำมาใช้ดูดซอกซอนตามหลืบมุมต่างๆ ให้ทั่วถึง ถ้าจะให้ได้ผลดีควรทำเมื่ออากาศในห้องมีความชื้นน้อยที่สุด
ถ้าไม่รู้ว่าไอซีในคอมพิวเตอร์คิดอย่างไรกับไฟฟ้าสถิต ก็ลองฉุกคิดถึงหัวอกของลุค สกายวอล์คเกอร์ ตอนเจอเอ็มเพอเรอร์ปลอยไฟฟ้าใส่หน่อยปะไร
ใช้แสนยานุภาพทางอากาศ
เมื่อเปิดฝาเคสไว้แล้วหนทางที่เราจะทำลายคอมพิวเตอร์ก็เปิดกว้างตามไปด้วย หากการใช้ไฟฟ้าสถิตไม่เหมาะกับคุณ ผมขอแนะนำให้ใช้กำลังทางอากาศ แนวคิดพื้นฐานคือใช้ลมที่มีกำลังแรงมากๆ เป่าเข้าไปในตู้เคส เพื่อหวังสร้างความเสียหาให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่บนเมนบอร์ด โปรดทำตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ค้นดูในบ้านว่ามีอากาศอัดกระป๋องหรือไม่ หน้าตาเหมือนกระป๋องสเปรย์ ปรกติเราจะซื้อมาไว้เป่าฝุ่นเพื่อทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ กำลังลมของสเปรย์นี้มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในคอมพิวเตอร์หลุดกระเด็นออกมาได้อย่างสบาย
- หากต้องการแสนยากรทางอากาศที่ทรงพลังจริงๆ เราต้องอาศัยเครื่องปั๊มลม (Air compressor) อย่างที่ช่างซ่อมรถและนักพ่นสีใช้กัน นำมาปรับให้มีแรงดันสูงสุด (สักยี่สิบบาร์กำลังดี) แล้วนำมาเป่าส่วนต่างๆ ในตู้ ซอกซอนให้ทั่วทุกซอกมุม เช่นในซีดีรอมไดร์ฟ ลึกลงไปในเมนบอร์ด หากคุณมีพรสวรรค์ คุณจะสามารถทำให้ ชิพไอซี แรม หรือแม้กระทั่งตัวเก็บประจุ กระเด็นหลุดออกมาได้
ใช้ยุทธนาวี
หากการใช้กำลังทางอากาศไม่ได้ผล คุณอาจพิจารณาการใช้กำลังทางน้ำ แต่การทำเช่นนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด เมื่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในคอมพิวเตอร์สัมผัสกับน้ำ มันจะชำรุดเสียหายทันที ถูกต้องหรือไม่? ผิด! ลองนำคอมพิวเตอร์ทั้งเครื่องไปจุ่มลงในสระว่ายน้ำ จากนั้นนำขึ้นมาใช้ลมอุ่นๆ เป่าทุกซอกทุกมุมจนแห้ง คอมพิวเตอร์จะสามารถทำงานได้ตามปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การทำลายคอมพิวเตอร์ด้วยกำลังทางน้ำจึงต้องอาศัยเทคนิคเล็กน้อยดังนี้
- วางคอมพิวเตอร์ไว้ใกล้หน้าต่าง ในวันครึ้มฝน อย่าปิดหน้าต่าง
- ควรวางแก้วกาแฟและน้ำอัดลมไว้ใกล้ๆ คอมพิวเตอร์ หลักการนี้ได้ผลดีเป็นพิเศษกับคอมพิวเตอร์แบบ notebook
- ประดับเคสด้วยโหลปลาทองก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลว
- หากทำน้ำหกใส่คอมพิวเตอร์ อย่านำไปร้านซ่อมในวันนั้น ให้ประวิงไว้สักหนึ่งเดือน เพราะถึงตอนนั้นสนิมได้กินแผงวงจรโดยสมบูรณ์แล้ว
อำนาจแห่งความร้อน
น่าแปลกที่ทุกคนเกิดรู้ขึ้นได้เองว่าคอมพิวเตอร์ไม่ชอบความร้อน ว่ากันว่าหากความร้อนเพิ่มขึ้นคอมพิวเตอร์จะมีประสิทธิภาพลดลง และหากความร้อนเพิ่มขึ้นจนถึงที่สุด คอมพิวเตอร์ก็จะมีประสิทธิภาพลดลงจนถึงที่สุดไปด้วยเช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราหมายปองหรือ? เมื่อรู้ดังนี้แล้วจะรอช้าอยู่ใย รีบทำตามขั้นตอนต่อไปนี้กันเถอะ
- พยายามนำสิ่งต่างๆ เช่น ตั้งหนังสือ สมุด แฟ้ม ฯลฯ มากองไว้รอบเคสมากๆ จุดประสงค์ของเราคือต้องการให้สิ่งเหล่านั้นทำหน้าที่ปิดกั้นทางเดินอากาศ เมื่ออากาศไหลเวียนได้น้อย ความร้อนของคอมพิวเตอร์ก็จะสะสมขึ้นเรื่อยๆ
- นำสิ่งกำเนิดความร้อนมาไว้ใกล้ๆ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนมากกำเนิดความร้อนทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น UPS, เครื่องพิมพ์ ทีวี โคมไฟ กาน้ำร้อนไฟฟ้า ฯลฯ อัดเข้าไปรอบๆ เคส ความร้อนจากเครื่องเหล่านี้จะได้ถูกดูดเข้าไปในคอมพิวเตอร์มากๆ
- หากห้องทำงานของท่านมีหน้าต่างด้านทิศตะวันตก ที่ได้รับแสงแดดโดยตรงช่วงบ่ายจะดีมาก ให้นำโต๊ะคอมพิวเตอร์ไปตั้งไว้ตรงนั้น
- ถ้าขั้นตอนทั้งสามใช้ไม่ได้ผล ให้เผด็จศึกโดยนำเทปกาวมาปิดช่องระบายอากาศทั้งหมดบนตู้เคส
โจมตีที่จุดอ่อน
จุดอ่อนที่สุดของคอมพิวเตอร์คือฮาร์ดดิสก์ ภายในฮาร์ดดิสก์มีแผ่นจานกลมแบนๆ หลายแผ่น แผ่นจานเหล่านี้ไม่เคยถูกอะไรสัมผัสแม้กระทั่งฝุ่นผง ขณะเขียนหรืออ่านข้อมูล หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์จะ “บิน” อยู่เหนือแผ่นจานในเพดานบินที่มีความสูงน้อยกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม แนวคิดพื้นฐานคือหาทางให้หัวอ่าน “กระแทก” กับแผ่นจาน การสัมผัสแม้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอจะทำให้ฮาร์ดดิสก์ชำรุดอย่างถาวร เมื่อรู้ทฤษฏีแล้วก็ลงมือปฏิบัติได้เลย
- ใช้ฝ่ามือตบที่เคสแรงๆ ขณะฮาร์ดดิสก์อ่านหรือเขียนข้อมูล จุดประสงค์คือเราต้องการสร้าง “แรงสะเทือน” ฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่จะมีระบบต้านความสั่นสะเทือนอยู่แล้ว จึงอาจจะต้องหาวัตถุที่แข็งและหนัก (เช่นที่ทับกระดาษ) ทุบ คุณอาจถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าฮาร์ดดิสก์กำลังอ่านหรือเขียนข้อมูล คำตอบคือให้สังเกตที่หลอดไฟสีแดงเล็กๆ หน้าเครื่อง (ปรกติหลอดนี้จะมีตัวอักษรเขียนว่า H.D. หรืออาจเป็นสัญลักษณ์รูปกลอง) หลอดไฟนี้จะติดสว่างขณะฮาร์ดดิสก์อ่านหรือเขียนข้อมูล
- ยกเคสขึ้นลอยจากพื้นเล็กน้อย (หนึ่งนิ้ว) แล้วปล่อยให้ตกกระแทกพื้นขณะฮาร์ดดิสก์อ่านหรือเขียนข้อมูล
- ในกรณีที่เป็นคอมพิวเตอร์แบบ note book งานของเราจะง่ายขึ้นมาก เพียงผลักให้มันตกจากโต๊ะขณะฮาร์ดดิสก์อ่านหรือเขียนข้อมูล หากเป็นวันที่คุณดวงขึ้นอาจได้โบนัสคือจอภาพแตกร้าวเป็นของแถมพกด้วย
สองเกลอลุยไฟ
หากเพื่อนของคุณมาเยี่ยมโดยพกพาคอมพิวเตอร์แบบ notebook มาด้วย นับว่าเป็นมงคล เพราะนี่เป็นโอกาสที่คุณจะได้ทำลายคอมพิวเตอร์ของคุณและของเพื่อนไปโดยพร้อมเพรียงกัน ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- หาสาย USB แบบ AA มาหนึ่งเส้น สายชนิดนี้จะมีหัว USB แบบแบนทั้งสองปลาย
- นำปลายหนึ่งเสียบกับช่อง USB ในเครื่องของคุณ
- นำปลายอีกด้านหนึ่งเสียบกับช่อง USB ในเครื่องของเพื่อนคุณ
- เปิดคอมพิวเตอร์ทั้งสองเครื่อง
- รอสักหนึ่งนาทีจะเริ่มมีควันขึ้นที่คอมพิวเตอร์ทั้งสองเครื่อง ถ้าคุณเคราะห์ดี อาจมีไฟลุกขึ้นมาด้วย
เริงใจกับการถอด-ใส่
การเสียบและถอดอุปกรณ์ขณะที่คอมพิวเตอร์เปิดอยู่ถือเป็นยอดวิชาในการทำลายเครื่อง ก่อนลงมือดูให้แน่ใจก่อนว่าคุณใส่รองเท้าอยู่ และยืนอยู่บนพื้นห้องแห้งสะอาด ไม่เช่นนั้นขั้นตอนนี้อาจจบลงโดยที่คุณโดนไฟดูดจนเสียชีวิต หากเป็นเช่นนั้นย่อมนับว่าเป็นเภทภัยมากกว่าวาสนา เอาละ พร้อมแล้วใช่ไหม? เริ่มกันเลย!
- เปิดฝาเครื่อง
- จ่ายไฟเข้าเครื่อง
- ถอดนอตออกจากแผงวงจรในเครื่อง จะเป็นแผงวงจรเชื่อมต่อจอภาพ หรือการ์ดเสียง หรืออะไรก็ดีทั้งนั้น ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีแผงวงจะอะไรเลยเพราะทุกอย่างมีมาพร้อมในเมนบอร์ดทั้งหมด (build-in) ก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหมายตาไว้ที่แผ่นหน่วยความจำแรม
- ถอดแผ่นวงจรออกจากเมนบอร์ด
- นำใส่กลับเข้าไปใหม่
- ถอดออกมาอีก
- ขณะทำขั้นตอนเหล่านี้ดูให้แน่ใจว่ามีไฟจ่ายเข้าเครื่อง และคอมพิวเตอร์เปิดอยู่
เล่นงานไบออส
ไบออส (BIOS ย่อจาก Basic Input Output System) คือโปรแกรมในไอซีแบบ EEPROM ไบออสเป็นโปรแกรมระดับรากหญ้ามันจะทำงานทันทีที่เราเปิดคอมพิวเตอร์ หากไบออสชำรุด คอมพิวเตอร์จะบูตไม่ได้ ดังนั้นไบออสน่าจะเป็นเป้าหมายที่ยอดเยี่ยมเลยใช่ไหม? วิธีทำลายไบออสให้ดำเนินการตามนี้
- เปิดเว็บไซต์ผู้ผลิตไบออส
- ดาวน์โหลดโปรแกรมสำหรับ Flash หรือปรับปรุงไบออส
- ดาวน์โหลดไบออสตัวล่าสุดมาด้วย
- ดูให้แน่ว่าไบออสตัวที่ดาวน์โหลดมาไม่ใช่รุ่นเดียวกับเมนบอร์ดของเรา
- ติดตั้งแล้วรันโปรแกรม Flash ไบออส
ถอดใจซีพียู
หัวใจของเครื่องคอมพิวเตอร์คือซีพียู หากเราต้องการเล่นงานคอมพิวเตอร์ ทำไมเราจึงไม่โจมตีที่หัวใจเสียเลยเล่า? จะต้องดีแน่ๆ แต่ปัญหาคือซีพียูติดอยู่อย่างปลอดภัยบนเมนบอร์ด โอกาสที่เราจะทำให้มันชำรุดมีน้อยมาก แต่ข่าวดีคือซีพียูต้องการระบบระบายความร้อน โดยทั่วไปแล้วซีพียูใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบระบายความร้อนประกอบด้วยพัดลมและครีบระบายความร้อน เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็ลงมือเลยดีกว่า
- เปิดฝาเครื่อง
- ถอดสายไฟออกจากพัดลมซีพียู ทำได้โดยดูที่พัดลมซึ่งติดอยู่บนครีบระบายความร้อน จะมีสายไฟสีแดงและดำ ไล่สายนี้ไป จะพบว่ามีหัวเสียบกับเมนบอร์ด ให้ถอดหัวนี้ออก
- หากเป็นไปได้ให้ถอดครีบระบายความร้อนออกด้วย แต่ขอเตือนก่อนว่าถอดยากมาก
- ปิดฝาเครื่อง
- ใช้เทปกาวปิดช่องระบายความร้อน
- เปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเปิดเกม Half-Life 2 หรือโปรแกรมอะไรก็ได้ที่กินแรงซีพียูมากๆ หน่อย
- ดูให้แน่ใจว่าไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม
- ทิ้งไว้เช่นนั้นสักสองชั่วโมง
ม้วยด้วยหฤหรรษ์
เมื่อทำตามคำแนะนำมาถึงตอนนี้แล้ว คอมพิวเตอร์ของคุณจะไม่สามารถใช้โปรกรม bench mark วัดประสิทธิภาพได้เลย (อันที่จริงใช้โปรแกรมอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น) เพราะตายสนิท เปิดไม่ติด จอมืด มีประโยชน์ในการใช้สอยเทียบเท่าที่ทับกระดาษขนาดยักษ์แค่นั้น ขั้นตอนที่มีเหตุผลซึ่งควรทำต่อไปคือส่งร้านซ่อม หรือไม่ก็ส่งลงถังขยะ หรือจะทำอย่างไรต่อไปก็สุดแท้แต่คุณแล้วละครับ
ความเห็น
เอามาให้ผมแกะนู่นแกะนี่ก็ได้คับ หุ หุ หุ
,มันสะเด็ดเลย